อันตราย! ไม่ล้างแอร์นานๆเสี่ยง
เครื่องปรับอากาศกับชีวิตประจำวันของคนไทยดูเป็นเรื่องที่แยกจากกันไม่ออก นั่นอาจเป็นเพราะอุณหภูมิของอากาศที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ใครต่อใครหลายคนต้องหันมาพึ่งพาความเย็นจากเรื่องของเครื่องปรับอากาศ แต่การใช้งานนั้นจำเป็นต้องใส่ใจในเรื่องของการทำความสะอาดเพราะมีผลต่อสุขภาพของผู้ใช้อย่างไม่อาจปฏิเสธ
Thai quote มีเรื่องของเตือนจากนายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย ที่ออกมากล่าวว่า ช่วงหน้าร้อนหลายคนต้องเปิดแอร์เพื่อคลายความร้อนในเวลากลางวันและกลางคืน อาทิที่ทำงาน ที่บ้าน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ที่อาจแฝงไปด้วยภัยร้ายเพราะในแอร์มีความชื้น ทั้งตัวแอร์และท่อของแอร์ที่ก่อให้เกิดการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสหรือเชื้อรา โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียลิจิโอเนลลานิวโมฟิวลา ซึ่งหากหายใจเอาฝอยละอองน้ำที่มีเชื้อดังกล่าวนี้ปนเปื้อนเข้าไปจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ โดยลักษณะอาการมี 2 แบบคือ
1.แบบปอดอักเสบรุนแรง มีไข้สูง ไอ หนาวสั่น เรียกว่าโรคลิเจียนแนร์
2.แบบที่มีลักษณะคล้ายไข้หวัดใหญ่ เรียกไข้ปอนตีแอกหรือปอนเตียก
นายแพทย์วชิระ ยังกล่าวต่อว่า สำหรับแอร์แบบระบบรวมควรเปิดน้ำทิ้งจากหอหล่อเย็นให้แห้งเมื่อไม่ได้ใช้ ทำความสะอาดขัดถูคราบไคลตะกอน เติมน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อฆ่าเชื้อรา และทำความสะอาดหอหล่อเย็นอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อเดือน ไม่ให้มีตะไคร่เกาะ ทำลายเชื้อโดยใส่คลอรีนให้มีความเข้มข้น 10 ppm (10 ส่วนในล้านส่วน) เข้าท่อที่ไปหอผึ่งเย็นให้ทั่วถึงทั้งระบบไม่น้อยกว่า 3-6 ชั่วโมง หลังจากนั้นรักษาระดับคลอรีนให้ความเข้มข้นไม่น้อยกว่า0.2 ppm (0.2 ส่วนในล้านส่วน)
ส่วนแอร์ในห้องพักต้องทำความสะอาด ถาดรองน้ำที่หยดจากท่อคอยส์เย็นทุก 1-2 สัปดาห์ ไม่ให้มีตะไคร่เกาะหรือใส่น้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ของคน ตามมาตรฐานประกาศกรมอนามัย เรื่องข้อปฏิบัติการควบคุมเชื้อลิจิโอเนลลาในหอผึ่งของอาคารในประเทศไทย และสำหรับแอร์ที่ใช้ตามบ้านเรือนเมื่อเปิดแอร์ควรสังเกตว่าอากาศที่ออกมาจากแอร์มีกลิ่นเหม็นหรือมีกลิ่นอับหรือไม่ หากมีกลิ่นในเบื้องต้นควรล้างทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศที่อยู่ในแอร์ด้วยน้ำสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค หากล้างทำความสะอาดแล้วกลิ่นไม่หาย ควรเรียกช่างเพื่อทำความสะอาดแบบเต็มระบบ
ทั้งนี้ การล้างทำความสะอาดแอร์ควรทำเป็นประจำ โดยดูตามความเหมาะสมจากสภาพแวดล้อมและการใช้งาน หากเป็นแผ่นกรองอากาศควรล้างด้วยน้ำสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรคแล้วใช้น้ำฉีดแรงๆ ที่ด้านหลัง ด้านที่ไม่ได้รับฝุ่นให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกหลุดออกอย่างน้อยเดือนละครั้ง และควรล้างแอร์แบบเต็มระบบอย่างน้อย ปีละ1ครั้งเช่นเดียวกัน แต่หากใช้เป็นประจำทุกวัน ควรล้างทำความสะอาดประมาณ 6เดือนต่อครั้ง เพราะนอกจากจะช่วยลดเชื้อโรคที่อาจสะสมอยู่ในแอร์แล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้อีกด้วย
ที่มา : Thaiquote ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค Thaiquote.org https://www.facebook.com/thaiquote.org ทวิตเตอร์ @ThaiQuoteORG
สนใจข้อมูลเพิ่มเติม